ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Namthip × งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 2

Namthip × งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 2

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

เท้าความตอนที่แล้ว
สุดท้ายก็กล้าเดินเข่าเข้าไปขอ e-mail อาจารย์
.
หลังจากนั้นก็ดีดอย่างหนัก 555
จากวิทยาศาสตร์ที่เรียนไปวันๆ
กลายเป็นน่าสนุกขึ้นมาทันตา
เคมีเกรด 2 ที่เคยได้มาก็กลายเป็นเกรด 4
จนติดโอลิมปิกวิชาการเคมี
การอ่านหนังสือตั้งแต่นั้นก็ไม่ใช่แค่เอาไปตอบข้อสอบอีกต่อไป
แต่คือการอ่านให้เข้าใจและพยายามคิดต่อ
โผล่ไปห้องพักครูเคมีบ่อยมาก
พร้อมกับแบกหนังสืิอไปด้วย
คุณครูคนนั้นคือ อ.สุคนธ์ มณีฉาย
หนังสือที่ชอบตอนนั้นคือหนังสือ
ของ อ.กฤษณา ชุติมา ซึ่งเป็นหนังสือที่ดูจะอธิบายละเอียดและลึกซึ้งกว่าระดับมัธยมมาก
นับแต่นั้นมามาตราฐานของการสอบจึงไม่ใช่คะแนนแต่เป็นความเข้าใจ ถึงจะได้คะแนนดีแต่ไม่เข้าใจก็ตามไปถามครูถึงห้อง ><
บางครั้งหนังสือ 2 เล่มก็เขียนไม่เหมือนกัน
และครูก็บอกว่าทำไม แบบนี้หล่ะที่น่าสนุก
.
E-mail ส่งไปถึง อ.ชิษณุสรร
อ ตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษในทุกครั้ง
และทุกครั้งเช่นกันที่ต้องเปิดดิกชันนารีแปลทุกคำ
.
มีครั้งนึงอยู่ในค่ายโอลิมปิกวิชาการ
ยืมคอมเพื่อนเปิด เจอศัพท์ที่ไม่รู้
(มันคือคำว่า appointment)
ก็เดินไปถามเพื่อนคนนู้นคนนี้ว่านี่แปลว่าอะไร
"อาจารย์บอกว่าถ้ามาที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ก็นัดอาจารย์ได้"
.
หลังจากที่ติดต่อ อ ผ่าน e-mail สัักพัก
ด้วยภาระงานของ อ ที่มาก
อ ชิษณุสรร เลยให้ อ นักวิจัยท่านอื่นดูแลต่อ
ซึ่งก็คือ อ.ดร.เกรียงศักดิ์ เลิศประภามงคล
.
อ เกรียงศักดิ์น่ารักมาก อ e-mail กลับมาเพราะเราเงียบหายไป พร้อมส่งบทความเกี่ยวกับมะเร็งเป็นภาษาไทยมาให้อ่าน
.
จากนั้นเลยได้ติดต่อกับ อ เกรียงศักดิ์้เรื่อยมา
จนช่วงปิดเทอม ม.5 ขึ้น ม.6
ได้ไปที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ (CRI) ครั้งแรก
เพราะต้องเดินทางผ่าน กทม ไปธุระจังหวัดอื่น
และไปคนเดียว โดยมีเพื่อนเเม่มารับ
คือเลิ่กลั่กตั้งแต่นั่งรถทัวร์คนเดียวครั้งแรก
.
ได้อยู่ที่ CRI แค่ 2 ชม.
แต่ถึงตอนนี้ก็ยังจำอะไรๆได้มากมาย
เหมือนเวลาเพิ่งผ่านไปไม่นาน
.
อ บอกว่าให้ไปที่ตึกโดมสูงๆ
(ตอนนั้นตึกนั้นคือสูงที่สุดหล่ะ)
เข้าไปต้องแลกบัตรและมีการตรวจความปลอดภัยแน่นหนามาก
อ ต้องลงมารับที่ชั้นล่างด้วย ไม่งั้นเข้าตึกไม่ได้
.
ตึกโดมที่สูงนั้นเป็นทรงกระบอก
ตรงกลางเป็นช่องว่างที่เห็นทุกชั้น มีลิฟต์แก้วใสๆ
หูยยยย เพิ่งเคยเห็นลิฟต์ใสๆ ตึกสูงๆ ขนาดนี้
ด้านล่างเป็นลานหินอ่อนและโต๊ะสีขาวราวกับสวนยุโรป
บนสุดของตึกนี้เป็นกระจกแปลกตากว่าชั้นอื่นๆ
.
ตอนขึ้นลิฟต์ก็พยายามกระดึ๊บๆตัวไปดูแถวกระจก สูงจังและรู้สึกบรึ๋ยๆ บอกไม่ถูก
อ บอกว่าชั้นบนสุดนั้นเป็นที่ทำงาน
ของเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์
รู้สึกเหมือน my idol อยู่ไม่ไกล ><
.
ขึ้นไปถึงห้องแลปมีข้าวของมากมาย
แบบที่ไม่เคยเห็นในห้องเรียนวิชาเคมี
มีคนในเสื้อกาวน์ยาวมากมายที่กำลังทำงานกับหลอดอะไรสักอย่างหรือไม่ก็เครื่องมือแปลกๆ
รอบๆห้องติดด้วยโปสเตอร์ที่มีกราฟบ้าง ภาพบ้าง พร้อมภาษาอังกฤษเต็มไปหมด
.
อ พาไปดูเครื่องนึงตอนนั้นตื่นเต้นมาก
เปิดมาโอโห้ควันขาวๆฟุ้งเลย
มันคือตู้เย็นอันใหญ่ แช่ที่ -80 องศา
คือเด็กบ้านนอกอ่ะนะ หิมะก็ไม่เคยเห็น
ตู้เย็นที่บ้านก็แช่ขันใส่น้ำมีดอกมะลิลอยตุ๊บป่องอยู่บ้างในบางที
จำได้ว่าเผลอพูดว่า "หูวววว" ออกไปด้วย เขินจัง
.
แล้ว อ ก็พาไปแนะนำให้รู้จักพี่คนนึง
จำได้แค่ว่าเค้าเป็นนักศึกษาเภสัช
และกำลังยุ่งอยู่กระบอกตวงขนาดใหญ่น่าจะ 1-2 L
ซึ่งก็ตื่นเต้นอีกเช่นกันเพราะที่ รร มีแค่ 10 ml จิ๋วไปเลย
.
อ พาไปดูโปสเตอร์บางอัน จำได้ว่าเกี่ยวกับวนิลา
ที่มีฤทธิ์ทางมะเร็ง แล้วก็ได้กระดาษงานวิจัยมาด้วยเหมือนจะเป็นฉบับจริงเลยนะ ทุกวันนี้ก็ยังเก็บไว้คู่กับสมุดจดเล่มเดียวกันกับวันที่ไปดูแลปวันนั้น
เมื่อไม่นานนี้เพิ่งเอาออกมาอ่าน เข้าใจขึ้นตั้งเยอะ
10 ปี ผ่านไปพัฒนาขึ้นบ้างเหมือนกันนะเนี่ย ^^
.
ก่อนกลับอยู่ๆก็มีนักวิจัยคนนึงเดินเข้ามาปรึกษา อ
ยืนอยู่ตรงนั้นจะให้ไม่ได้ยินก็ทำไม่ได้
ไม่ใช่สิ่งที่สุภาพเท่าไหร่ที่ไปยืนฟังผู้ใหญ่คุยกัน
เเต่สิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องที่ประทับใจ
และเป็น inspiration เลยหล่ะ
เหมือนนักวิจัยคนนั้นจะติดปัญหา
มาเพื่อปรึกษาหาทางแก้ เค้ากับ อ discuss อยู่พักนึง
แล้วเหมือนจะได้ทางออกที่ดี
อ ก็แนะนำให้รู้จักว่าพี่คนนั้นเป็นหมอ
แต่ทำงานวิจัยด้วย
.
โหหหห อย่างเท่ห์รักษาคนก็ได้
งานวิจัยหายารักษามะเร็งก็ทำได้
.
อยากเก่งๆแบบนี้บ้าง (ไฟนี่ลุกโชนน)
.
เหตุการณ์วันนั้นจบลง
เวลา 2 ชม.หมดไปไวมาก เป็น 2 ชม.ที่จำไม่ลืม
วันนั้นใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์
(มันคือชุดธรรมดาที่ดีที่สุดที่มีหล่ะ ><)
เสื้อนี่เขียน "แพทย์-สาด" หราซะจนพี่หมอนักวิจัยคนนั้นทักว่าซื้อจากไหน
.
อ แนะนำให้อ่านงานวิจัยมะเร็งใน ncbi หรือ google scholar (ตอนนั้นไม่รู้ว่าทั้งสองอย่างคืออะไร ตอนนี้รู้ดีเลย 5555)
และบอกว่าไว้เรียน ป ตรี ปี 3 เเล้วค่อยกลับไปใหม่
จะได้มีพื้นฐานความรู้พอที่จะเข้าใจงานวิจัยมากขึ้น
.
แทบจะนับวันรอตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
.
ส่วนจะได้กลับไปที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์อีกหรือไม่ มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงเรียน ป ตรี
ไว้ติดตามต่อไปนะคะ กิกิ
.
ตอนอื่นๆ ของการบุกดงวิจัยที่เคยเขียนไว้
- ตอนที่ 0:  สะเปะสะปะกว่าจะมาถึงเส้นทางวิจัย
- ตอนที่ 1: ค่ายไม่เล็กที่มีแต่ผู้ใหญ่ใจดีปูทางเด็กบ้านนอกสู่เส้นทางวิจัย
- ตอนที่ 2: ตรึงใจเด็ก ม.ปลาย เปิดโลกวิจัยที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
- ตอนที่ 3: ตะลุยดงวิจัย ทำไมวิจัยมีมะเร็งมีหลายแบบจัง
- ตอนที่ 4: รู้จักมะเร็งแบบเหนือชั้น เหนือพันธุกรรมคืออะไร
- ตอนที่ 5: เมื่อฉันรักวิทยาศาสตร์ อย่างที่ไม่สนมะรงมะเร็งอะไรทั้งนั้น
- ตอนที่ 6: ปริญญาเอก วิชาหนังชีวิต Scientific Lineage และผู้ช่วยชีวิตอย่าง Mentor
.
#NamthipPhDstory
#NamthipCancerResearchJourney
#NoCancer #NoCancerTH 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 0

  Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 0 จากโพสก่อนที่เล่าถึงเส้นทางการวิจัยมะเร็ง ที่เริ่มเรื่องมาตั้งแต่ ม.5 - ป.เอก ตอนที่ 0 นี้คือเรื่องความสะเปะสะปะ กว่าจะมาถึงเส้นทางวิจัยและวิทยาศาสตร์ . เรื่องมันเริ่มมาจากโจทย์แค่ว่า ทำไมยายถึงต้องตายเพราะมะเร็ง ทำไมหมอช่วยยายไม่ได้ ถ้ามีทางดีดีที่ยายไม่ตาย เราก็คงไม่ต้องมานั่งร้องอยู่อย่างนี้ นั่นหล่ะความคิดเด็ก ม.2 . ตอนนั้นก็กวาดทุกอย่างที่ขวางหน้า หรือต้องเป็นหมอศัลย์นะ? หรือว่าต้องโภชนาการต้านมะเร็ง? หรือว่าต้องแบบหมอสมหมาย ทองประเสริฐ? สิงซีเอ็ดบุ๊คสุดๆ อ่านฟรีบ้าง ซื้อบ้าง (มัน 18 ปีก่อน เน็ตยังไม่แพร่หลาย 555) . พ่อกับแม่ก็พยายามสนับสนุนนะ คือเค้าจะเป็นสายแบบเป็นแบ็ค จะไม่ชี้นำ แต่ถ้าดีดจะไปทางไหน จะช่วยดัน มันหรือถีบนะไม่แน่ใจ . ช่วง ม.2 แม่ก็พาไปเจอรุ่นพี่ที่ทำงานเก่าของแม่ คุณลุง ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ที่มาบรรยายเกี่ยวกับงานวิจัยอะไรสักอย่าง จำได้เลยว่าใส่ชุดยุวกาชาด ไปนั่งฟังบรรยายซึ่งก็น่าจะไม่ค่อยรู้เรื่องด้วย แล้วก็ไปทานข้าวต่อกับวิทยากร ตอนนี้จำอะไรไม่ได้เลยว่าคุยอะไร จำได้อย่างเดียวคือ งานวิจัยนี่ดูเป็นอะไรที่เป็นเห...

Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 1

  Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 1 อยากบันทึกเรื่องราววิทยาศาสตร์ตอนวัยเด็กไว้สักหน่อย เป็นเรื่องราวที่อยากบันทึกไว้อ่านเอง ที่จริงควรจะเขียนตั้งแต่เหตุการณ์จบลงใหม่ๆ เพราะความรู้สึกจะยังคงสดใหม่ ภาษาก็อาจจะยังขำๆ กลับมาอ่านก็คงจะอมยิ้มไปอีกแบบ แต่บันทึกตอนนี้ก็ไม่สาย เพราะไม่รู้ว่าต่อไปวิทยาศาสตร์และงานวิจัย จะยังสดใสน่าตื่นเต้นเหมือนที่คิดตอนเด็กมั้ย งั้นรีบเขียนเลยแล้วกัน . บันทึกนี้คือบันทึกความรู้สึกที่อยู่ในใจ ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน บางส่วนอาจจะเกี่ยวข้องกับการเมืองยุคปัจจุบัน แต่ถ้าเสพด้วยใจที่เป็นกลาง เป็นเหตุเป็นผล เข้าใจบริบทของสังคม เวลา และเข้าใจว่าทั้งหมดคือเรื่องราววิทยาศาสตร์ไม่ใช่การเมือง เรื่องเล่าทั้งหมดจะไม่ชวนให้ตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด ขอใช้ภาษาตามประสาเด็กๆ เมื่อสิบกว่าปีก่อนหล่ะกัน . ชอบวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก แต่เรียนไม่ค่อยเก่งหรอก ชอบเล่นมากกว่า ทำของเล่นกับพ่อ หรือวุ่นวายกับสีดอกไม้หลังบ้านที่เอามาเล่นกับกรดเบส . จนหลังจากที่ยายเสียชีวิตเพราะมะเร็ง ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมหมอช่วยยายไม่ได้ ก็คิดนะว่าการแพทย์เป็นทางหนึ่ง แต่อาจจะมีทางที่ดีกว่า เขียนๆไปน้ำต...

Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 6

 Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 6 ตอนนี้ที่รอคอยยยย ว่าด้วยเรื่องราวตอนเรียนปริญญาเอก Scientific Lineage และ Mentor . จากเรื่องราวตอนก่อนๆ ตั้งแต่ ม.ต้น จนปี 6 ป ตรี เภสัช ที่ชีวิตว้าวุ่น กับการหาแลปเรียนต่อมากกว่าสอบใบประกอบวิชาชีพ . การเรียนต่อคือการเบี่ยงเข็มไปในทางที่ยิ่งแคบ ยิ่งเฉพาะทาง และแน่นอนเส้นทางอาชีพที่แคบลงไปอีก นี่ทำให้คิดหนักมากว่าเรียนอะไร ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ชอบวิจัยแบบไหนของมะเร็ง เพราะวิจัยมะเร็งนั้นกว้างมากกกกกกกกก . ถึงตรงนี้ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านๆที่ให้โอกาสได้ค้นหาตัวเองว่าชอบวิจัยมะเร็งแบบไหนนะคะ . ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง เลยตัดสินใจเรียนปริญญาเอก สาขาเภสัชวิทยา ที่ศิริราช (มันคือ โทควบเอก ถ้าจบ ป ตรีด้วยเกียรตินิยม จะสมัครเรียนแบบนี้ได้เลยไม่ต้องผ่านโท) ซึ่งการเข้าเรียนแบบนี้ก็ถูกนับเป็นนักเรียน ป เอก แต่วิชาเรียนเยอะกว่า . การเรียน ป เอก นั้น จุดสำคัญคือทำวิจัยล้วนๆ แทบไม่มีอะไรผสม เอาหล่ะวะ สมใจอยาก 55555 อยากร่ำไปด้วยทำแลปไปด้วย สภาพพพพ . คือวิจัยนี่ไม่ได้เหมือนแลปที่เราทำตอนเรียนมัธยม ที่ใสๆกุ๊งกิ๊ง เพราะเป็นการทดสอบกฏหรือทฤษฎี ที่คนทั้งโลกทำมาเป็นล้า...