ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Namthip × งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 3

 

Namthip × งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 3

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ
.
เท้าความตอนที่แล้ว หลังจากที่จุดเปลี่ยนคือ
การขอเลื่อนสอบเพื่อไปค่าย Thai Sci Camp
ได้ไปดูแลปที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ (CRI) 2 ชม.
ทั้งหมดเกิดขึ้นช่วงประมาณ ม.5 แล้ว
อ.ที่ CRI ก็บอกว่าไว้เรียนปี 3 ค่อยกลับมา CRI ใหม่
.
ตอนนั้นรู้สึกว่างานวิจัยน่าจะมีอะไรดีดีที่ทำให้คนไข้รอดจากมะเร็งได้มากขึ้น
หลังจากหาข้อมูลเรื่องมะเร็งมาหลายๆด้าน
ก็พบว่าวิทยาศาสตร์และงานวิจัยน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
ช่วงหลังจากนั้นก็มีพยายามจะเข้าโครงการนู้นนี่ที่เป็นแนวๆวิทยาศาสตร์
ที่น่าจะทำใหรู้จักงานวิจัยมากขึ้นว่ามันคืออะไร
.
คิดโครงงานขึ้นมาชิ้นนึง คัดเลือกผ่านรอบแรกของโครงการนึงไปแบบงงๆ
เดินทางไปสัมภาษณ์แบบโคตรงงและทุลักทุเล
ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ มีโน้ตบุคพร้อมงานนำเสนอสุดอลังการที่ชนะเลิศโครงการอื่นมาแล้ว
และก็ต้องยอมรับว่าหลายๆอย่างไม่ได้เอื้ออำนวยนัก
คุณไม่ได้ไปต่อ แต่นี่ก็อาจจะถือว่ามาไกลมากแล้ว
จนถึงตอนนี้ที่เรียน ป เอก อยู่
ก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาเจอกลีบกุหลาบบ้าง
ไมยราบบ้าง(ซึ่งดูเหมือนจะมากกว่า 555)
.
อย่างไรก็ยังไม่เลิกบ้า
ยังคงแถกตัวไปตามความฝันต่อไป แม้จะพังๆไปบ้างก็ตาม
ตอน ม.6 อยากเรียนหมอ อยากเป็นหมอที่ทำวิจัยมะเร็ง
มีอาจารย์หมอนักวิจัยคนนึงเป็น idol
(สุดท้ายได้ไปฝึกงานกับ อ ท่านนี้ด้วย)
.
ตอนสอบเข้ามหาลัยก็สอบหมอนั่นแหละ แต่ไม่ติด 5555
ก็เลยเรียนเภสัช ไม่อยากเป็นเภสัชเลย
คิดว่าคงไม่ชอบถ้าต้องนั่งจ่ายยาที่ รพ ทั้งวัน
ไม่รู้ว่าเภสัชทำอย่างอื่นได้ด้วย
แต่พอรู้ว่าเภสัชมีวิจัยยาก็เริ่มสนใจขึ้นมา
.
ก็เรียนเภสัชที่ ม.วลัยลักษณ์
เข้าไปเรียนปีแรก ก็เอาเลยจ้า ไปบอกอาจารย์เลยว่าอยากไปฝึกงาน CRI
ในใจคือทุกอย่างพร้อมแค่ให้เรียนปี 3 กับมีเอกสารจากมหาลัย
.
ระหว่างนั้นก็บุกมาก ด้วยความที่เป็นนักเรียนโครงการโอลิมปิกวิชาการ
ทั้งเคมีและชีวะของ ม.วลัยลักษณ์ อยู่ก่อนแล้ว
ก็ติดต่ออาจารย์ที่รู้จัก อาจารย์ก็แนะนำต่อๆกัน
มีหลายท่านมากที่กรุณามาตั้งแต่มัธยม
.
- อ.สุภาภรณ์ ดอกไม้ศรีจันทร์ ที่ได้แวะไปก่อกวน อ ที่ห้องทำงานบ่อยครั้งเลย เรียกว่าเปิดโลก bioinformatics มาก
- อ.จิตรบรรจง ตั้งปอง แรกๆมักจะแนะนำตัวกับ อ ว่าเด็กมัธยมที่เคยโทรไปปรึกษา อ เรื่องงานวิจัยมะเร็ง ตอนมัธยมมีครั้งนึงไปหา อ ที่ห้องพัก ก็พบว่าห้องใหญ่จังถึงได้รู้จากป้ายหน้าห้องว่า อ เป็นคณบดี >< วันนั้นเป็นการพูดถึงงานวิจัยมะเร็งอีกครั้งนึงที่จำไม่เคยลืม แล้ว อ ก็ได้แนะนำให้รู้จัก อ.วรางคณา จุ้งลก ได้ไปดูแลปเลี้ยงเซลล์ของ อ เค้าด้วย แถมยังได้รู้จักกับพี่โบว์ พี่ ป.เอก ที่ฮามากคือเราเคยเจอกันที่สนามบาสมาก่อน คราวนี้เลยสนิทเลยหล่ะ
- อ.วรพงศ์ ภู่พงศ์ อาจารย์ทำงานเกี่ยวกับสารสกัดธรรมชาติ ได้ไปสิงแลปอยู่พักนึง ไปครั้งแรก อ บอกว่าให้ไปหาพี่รอน เราก็แบบ หูวววว พี่ชื่อรอน แบบรอน วีสลี่ งี้แน่เลย ท่องบทสนทนาภาษาอังกฤษไปเลยจ้า ปรากฏพี่อิมรอนเป็นคนไทย โป๊ะหนึ่งฉึก แลปนี้ครื้นเครงไม่เว้นวันหยุด วันปีใหม่ ยิ่งดึกยิ่งคึก 5555 มีเพลงภาษาอาหรับคลอๆไปด้วย มีทั้งพี่ๆ ป โท ป เอก คือพี่รอน พี่หญิงและอาจารย์ให้ก่อกวนตลอดเวลา ตอนนั้นตึกนวัตกรรมเปิดใหม่ๆเลย เข้าแลปนี่ต้องสแกนนิ้วมือด้วยอย่างหรูอ่ะ เป็นช่วงนี้ดีดมาก ช่วงนั้นเรียนปี 3 วิชาเรียนแลปของเภสัชก็เยอะอยู่แล้ว บางวันทำแลปสกัดสารเสร็จต้องเขียนรายงานของแลปที่เป็นวิชาเรียนต่อจนเกือบเช้า พอเช้าก็ไปทำแลปอีกวิชานึง จนคุยกับคู่หูทำแลปว่าเราควรจะนอนกันบ้างหล่ะ
.
เวลาเรียนล่วงเลยมาถึง ปี 3
ก็ได้กลับไปดูงานที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ตามที่ตั้งใจไว้
ตอนนั้นอาจารย์ที่ปรึกษา อ.ปาจรีย์
ช่วยเรื่องเอกสารทุกอย่างเลย รักจารย์มากมาย
อ. บุษบรรณ สอน sterile เทคนิค
เปิดห้องแลปเทคโนเพื่อจะเช็ดตู้ laminar air flow
คือเราตื่นเต้นกระทั่งเช็ดตู้
ตัดภาพมาตอนนี้ ขี้เกียจเช็ดตู้สุดๆ
.
อ เกรียงศักดิ์ ที่ CRI ให้ไปดูงาน 5 วัน
ตอนแรกก็รู้สึกว่าแป๊ปเดียวจังเลย T^T
ตั้งตาคอยมาตั้งหลายปี แงงง
ก็แคะกระปุกเอาตังค์เก็บเป็นทุนไปดูงาน
ก็ขอพักกับหอเพื่อน และซื้อข้าวโรงอาหาร
ม เกษตร ข้าวราคาถูกมากกกก
อ ทัศนี เตือนไว้ว่าระวังข้าวที่ CRI ไว้
เพราะไม่อิ่มแน่ๆ แล้วคือจริงงง
ได้เจอพี่อัง แลปชั้นใกล้ๆ เพราะ อ ทัศนีฝากฝังไว้
แล้วก็เป็นครั้งแรกที่รู้จักขนมอร่อยๆแถวนั้น
.
นับเป็นช่วงชีวิตที่ adventure มากกับรถเมล์ กทม.
แต่ที่เด็ดกว่าคือรถไฟหน้า CRI แบบโอ้วโหวววว
ไฟขาวๆ มาแต่ไกล วิ่งแทบไม่ทัน
.
กลับมาเรื่องงานวิจัยมะเร็ง 555
เป็น 5 วันที่คุ้มค่ามาก ได้ดูตั้งแต่เลี้ยงเซลล์ ไปจนถึงการตรวจหาโปรตีน
เดินตามอาจารย์และพี่ๆคนอื่นแทบทั้งวัน
ทั้งวันได้คิด ได้ถาม แต่โดยมากถามไปก็จะโดนอาจารย์ถามกลับ 555
แต่ละวันผ่านไปแบบให้สมองไปเยอะมาก
ปวดหัวและปวดขามากไปพร้อมๆกัน
หลังจากดูงานครบเวลา
อาจารย์ยังเชียร์ให้ไปดูงานที่อื่นอีก
อ ปริ้นข้อมูลแลปนู้นแลปนี้มาให้เป็นปึกๆเลย
.
หลังจากใช้เวลาค้นหาตัวเองอยู่พักใหญ่
ก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจเราลิงโลด
อาจจะเป็นมะเร็งในมุมของงานวิจัยก็ได้ที่เป็นคำตอบ
.
แต่ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับมาเรียน ป ตรี ต่อให้จบด้วย
ทั้งยังเป็นช่วงที่คณะมีโครงการ Mini project
ที่ทำให้ต้องคิดหนักว่าตกลงเราชอบอะไรกันแน่
.
ในช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจว่าจะเรียนจบเภสัชแล้ว
จะทำอย่างไรต่อกับอนาคต
ก็เป็นช่วงที่อาจารย์ที่ปรึกษาเป็นคนที่มีผลต่อการตัดสินใจมากที่สุด
ในช่วงเวลาที่เป็นอีกหัวเลี้ยวหัวต่อนึงของชีวิต
ไว้ค่อยเล่าตอนต่อไปหล่ะกัน ตอนนี้ยาวมากๆแล้ว
.
ตอนอื่นๆ ของการบุกดงวิจัยที่เคยเขียนไว้
- ตอนที่ 0:  สะเปะสะปะกว่าจะมาถึงเส้นทางวิจัย
- ตอนที่ 1: ค่ายไม่เล็กที่มีแต่ผู้ใหญ่ใจดีปูทางเด็กบ้านนอกสู่เส้นทางวิจัย
- ตอนที่ 2: ตรึงใจเด็ก ม.ปลาย เปิดโลกวิจัยที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
- ตอนที่ 3: ตะลุยดงวิจัย ทำไมวิจัยมีมะเร็งมีหลายแบบจัง
- ตอนที่ 4: รู้จักมะเร็งแบบเหนือชั้น เหนือพันธุกรรมคืออะไร
- ตอนที่ 5: เมื่อฉันรักวิทยาศาสตร์ อย่างที่ไม่สนมะรงมะเร็งอะไรทั้งนั้น
- ตอนที่ 6: ปริญญาเอก วิชาหนังชีวิต Scientific Lineage และผู้ช่วยชีวิตอย่าง Mentor
.
#NamthipPhDstory
#NamthipCancerResearchJourney
#NoCancer #NoCancerTH

ปล. ภาพนี้ ดูน่าเชื่อถือมากอ่ะ ไม่เหมือนตัวจริง 55555

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 0

  Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 0 จากโพสก่อนที่เล่าถึงเส้นทางการวิจัยมะเร็ง ที่เริ่มเรื่องมาตั้งแต่ ม.5 - ป.เอก ตอนที่ 0 นี้คือเรื่องความสะเปะสะปะ กว่าจะมาถึงเส้นทางวิจัยและวิทยาศาสตร์ . เรื่องมันเริ่มมาจากโจทย์แค่ว่า ทำไมยายถึงต้องตายเพราะมะเร็ง ทำไมหมอช่วยยายไม่ได้ ถ้ามีทางดีดีที่ยายไม่ตาย เราก็คงไม่ต้องมานั่งร้องอยู่อย่างนี้ นั่นหล่ะความคิดเด็ก ม.2 . ตอนนั้นก็กวาดทุกอย่างที่ขวางหน้า หรือต้องเป็นหมอศัลย์นะ? หรือว่าต้องโภชนาการต้านมะเร็ง? หรือว่าต้องแบบหมอสมหมาย ทองประเสริฐ? สิงซีเอ็ดบุ๊คสุดๆ อ่านฟรีบ้าง ซื้อบ้าง (มัน 18 ปีก่อน เน็ตยังไม่แพร่หลาย 555) . พ่อกับแม่ก็พยายามสนับสนุนนะ คือเค้าจะเป็นสายแบบเป็นแบ็ค จะไม่ชี้นำ แต่ถ้าดีดจะไปทางไหน จะช่วยดัน มันหรือถีบนะไม่แน่ใจ . ช่วง ม.2 แม่ก็พาไปเจอรุ่นพี่ที่ทำงานเก่าของแม่ คุณลุง ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ที่มาบรรยายเกี่ยวกับงานวิจัยอะไรสักอย่าง จำได้เลยว่าใส่ชุดยุวกาชาด ไปนั่งฟังบรรยายซึ่งก็น่าจะไม่ค่อยรู้เรื่องด้วย แล้วก็ไปทานข้าวต่อกับวิทยากร ตอนนี้จำอะไรไม่ได้เลยว่าคุยอะไร จำได้อย่างเดียวคือ งานวิจัยนี่ดูเป็นอะไรที่เป็นเห...

Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 1

  Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 1 อยากบันทึกเรื่องราววิทยาศาสตร์ตอนวัยเด็กไว้สักหน่อย เป็นเรื่องราวที่อยากบันทึกไว้อ่านเอง ที่จริงควรจะเขียนตั้งแต่เหตุการณ์จบลงใหม่ๆ เพราะความรู้สึกจะยังคงสดใหม่ ภาษาก็อาจจะยังขำๆ กลับมาอ่านก็คงจะอมยิ้มไปอีกแบบ แต่บันทึกตอนนี้ก็ไม่สาย เพราะไม่รู้ว่าต่อไปวิทยาศาสตร์และงานวิจัย จะยังสดใสน่าตื่นเต้นเหมือนที่คิดตอนเด็กมั้ย งั้นรีบเขียนเลยแล้วกัน . บันทึกนี้คือบันทึกความรู้สึกที่อยู่ในใจ ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน บางส่วนอาจจะเกี่ยวข้องกับการเมืองยุคปัจจุบัน แต่ถ้าเสพด้วยใจที่เป็นกลาง เป็นเหตุเป็นผล เข้าใจบริบทของสังคม เวลา และเข้าใจว่าทั้งหมดคือเรื่องราววิทยาศาสตร์ไม่ใช่การเมือง เรื่องเล่าทั้งหมดจะไม่ชวนให้ตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด ขอใช้ภาษาตามประสาเด็กๆ เมื่อสิบกว่าปีก่อนหล่ะกัน . ชอบวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก แต่เรียนไม่ค่อยเก่งหรอก ชอบเล่นมากกว่า ทำของเล่นกับพ่อ หรือวุ่นวายกับสีดอกไม้หลังบ้านที่เอามาเล่นกับกรดเบส . จนหลังจากที่ยายเสียชีวิตเพราะมะเร็ง ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมหมอช่วยยายไม่ได้ ก็คิดนะว่าการแพทย์เป็นทางหนึ่ง แต่อาจจะมีทางที่ดีกว่า เขียนๆไปน้ำต...

Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 6

 Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 6 ตอนนี้ที่รอคอยยยย ว่าด้วยเรื่องราวตอนเรียนปริญญาเอก Scientific Lineage และ Mentor . จากเรื่องราวตอนก่อนๆ ตั้งแต่ ม.ต้น จนปี 6 ป ตรี เภสัช ที่ชีวิตว้าวุ่น กับการหาแลปเรียนต่อมากกว่าสอบใบประกอบวิชาชีพ . การเรียนต่อคือการเบี่ยงเข็มไปในทางที่ยิ่งแคบ ยิ่งเฉพาะทาง และแน่นอนเส้นทางอาชีพที่แคบลงไปอีก นี่ทำให้คิดหนักมากว่าเรียนอะไร ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ชอบวิจัยแบบไหนของมะเร็ง เพราะวิจัยมะเร็งนั้นกว้างมากกกกกกกกก . ถึงตรงนี้ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านๆที่ให้โอกาสได้ค้นหาตัวเองว่าชอบวิจัยมะเร็งแบบไหนนะคะ . ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง เลยตัดสินใจเรียนปริญญาเอก สาขาเภสัชวิทยา ที่ศิริราช (มันคือ โทควบเอก ถ้าจบ ป ตรีด้วยเกียรตินิยม จะสมัครเรียนแบบนี้ได้เลยไม่ต้องผ่านโท) ซึ่งการเข้าเรียนแบบนี้ก็ถูกนับเป็นนักเรียน ป เอก แต่วิชาเรียนเยอะกว่า . การเรียน ป เอก นั้น จุดสำคัญคือทำวิจัยล้วนๆ แทบไม่มีอะไรผสม เอาหล่ะวะ สมใจอยาก 55555 อยากร่ำไปด้วยทำแลปไปด้วย สภาพพพพ . คือวิจัยนี่ไม่ได้เหมือนแลปที่เราทำตอนเรียนมัธยม ที่ใสๆกุ๊งกิ๊ง เพราะเป็นการทดสอบกฏหรือทฤษฎี ที่คนทั้งโลกทำมาเป็นล้า...